บทสรุปสำหรับผู้บริหาร
ชื่อเรื่อง การประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสร้างระบบพี่เลี้ยง โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต2
ปีที่พิมพ์ 2563
ผู้วิจัย ว่าที่ร.ต.หญิงกัลยกร พรมนาไร่
ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต2
การประเมินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสร้างระบบพี่เลี้ยงโรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) เพื่อประเมินความเหมาะสม และความสอดคล้องของสภาพแวดล้อม (บริบท : Context) ด้านความต้องการจำเป็นในการพัฒนาครู ของโรงเรียนในสังกัด 2) เพื่อประเมินความพร้อมในด้านปัจจัยนำเข้า (Input) ของโครงการ ด้านข้อมูลพื้นฐานของผู้เข้ารับการอบรม และกระบวนการระบบพี่เลี้ยง 3) เพื่อประเมินกระบวนการ (Process) การดำเนินโครงการ ในด้านการวางแผน การนำไปปฏิบัติการนิเทศติดตามประเมินผล และการรายงาน 4) เพื่อประเมินผลลัพธ์ (Outcomes : IEST) ของโครงการด้านผลกระทบ (Impact Evaluation) การประเมินประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation)การประเมินความยั่งยืน (Sustainability Evaluation) และการประเมินการถ่ายทอดส่งต่อ (Transportability Evaluation)
การประเมินครั้งนี้ได้ใช้รูปแบบการประเมิน โดยประยุกต์ใช้รูปแบบ CIPIEST ของ Daniel L. Stufflebeam ซึ่งเป็นรูปแบบการประเมิน ที่เหมาะสมตามวัตถุประสงค์ของการประเมิน โดยเก็บรวบรวมข้อมูลกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับโครงการฯ ประกอบด้วย ครูผู้สอน ผู้บริหาร มีการเก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ ประเด็นการสนทนากลุ่ม แบบสำรวจตนเอง และการสัมภาษณ์แบบไม่เป็นทางการ
กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูผู้สอนโรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ ทั้ง 10 แห่ง จำนวน 40 คน ครูพี่เลี้ยง จำนวน 10 คน
ผู้ให้ข้อมูล ได้แก่
- ผู้ให้ข้อมูลเพื่อกำหนดกรอบการประเมินและตัวชี้วัด รวมทั้งสิ้น 78 คนประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 5 คน ครูผู้สอน จำนวน 40 คน ครูพี่เลี้ยง จำนวน 10 คน ผู้บริหารสถานศึกษาจำนวน 10 คน พี่เลี้ยงจากกลุ่มนิเทศ ติดตาม และประเมินผลการจัดการศึกษา ที่มีความเชี่ยวชาญในการประเมิน และการดำเนินโครงการ จำนวน 10 คน ผู้บริหารจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 จำนวน 3 คน
- ผู้ให้ข้อมูลในการประเมินโครงการ รวมทั้งสิ้น จำนวน 50 คน ประกอบด้วย ครูผู้สอน จำนวน 40 คน ครูพี่เลี้ยง จำนวน 10 คน
เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถาม สำรวจความคิดเห็น (Checklist) มาตรประมาณค่า 5 ระดับ (Likert, 1932) และแบบสอบถามวัดความพึงพอใจ มาตรประมาณค่า 5 ระดับ ตรวจสอบคุณภาพเครื่องมือโดยผู้เชี่ยวชาญ 5 ท่าน และทดลองใช้เครื่องมือก่อนนำไปใช้จริง
ผลการประเมินโครงการ
ผลการประเมินบริบท (Context Evaluation) สภาพแวดล้อมในการจัดทำโครงการ พบว่า ความต้องการจำเป็นของโครงการมีวัตถุประสงค์สอดคล้องกับนโยบายทางการศึกษาทุกระดับ มีความต้องการจำเป็นในการจัดทำโครงการ เพื่อพัฒนาคุณภาพนักเรียน และมีความเหมาะสมกับสภาพชุมชนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ทำให้มีหลักการและเหตุผล ทางด้านนโยบาย ความจำเป็น และความเหมาะสมในการดำเนินโครงการ และมีความเป็นไปได้ที่สามารถจะจัดทำโครงการ และพบว่าพี่เลี้ยง และครูพี่เลี้ยงมีศักยภาพ ความพร้อมและประสบการณ์ในการพัฒนาครู เนื่องจากมีประสบการณ์ในการเป็นวิทยากร จัดการศึกษา มาเป็นระยะเวลายาวนาน และเป็นครูเชี่ยวชาญ
ส่วนปัญหาที่พบ ครูผู้สอนส่วนใหญ่ยังไม่นำรูปแบบ เทคนิคการสอนแบบใหม่ๆ ไปใช้ ขาดสื่อนวัตกรรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียน และไม่วิเคราะห์ หรือสะท้อนปัญหาที่พบจากการสอน เพื่อนำมาทำวิจัยในชั้นเรียน
- ผลการประเมินปัจจัยนำเข้าของโครงการ (Input Evaluation) พบว่า ครูผู้สอนที่เข้าร่วมโครงการมีความพร้อม และมีความสมัครใจที่จะพัฒนาวิชาชีพของตนเอง ซึ่งกระบวนการกำกับติดตามดูแลให้คำปรึกษา หรือกระบวนการระบบพี่เลี้ยง (Mentoring System) นั้นเปิดโอกาสให้ครูได้ร่วมพัฒนาจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ พัฒนานวัตกรรม ทดลองใช้ในชั้นเรียน ปรับปรุงพัฒนา เยี่ยมชั้นเรียนสะท้อนคิดร่วมกัน และจัดทำรายงานวิจัยในชั้นเรียน
- ผลการประเมินกระบวนการของโครงการ (Process Evaluation) ซึ่งเป็นการประเมิน การปฏิบัติตามแผน และประเมินในขณะดำเนินงาน เพื่อตรวจสอบกิจกรรมเวลา ทรัพยากรที่ใช้ในโครงการ และมีการตรวจสอบติดตามผลการดำเนินงานเป็นระยะๆ สำหรับจุดที่ควรพัฒนา คือ ความเหมาะสมของเวลาในการจัดกิจกรรม อาจต้องปรับเวลาให้ยืดหยุ่นและเพียงพอเหมาะสมกับกิจกรรม และกิจกรรมต่างๆ ในโครงการสามารถดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ และพบว่า ด้านเวลาเข้าร่วมกิจกรรม ครูผู้สอนทุกคนมีเวลาครบ การส่งงานครบทุกคน โดย ส่งแผนการจัดการเรียนรู้ 1 หน่วย และรายงานวิจัยในชั้นเรียนอย่างน้อย 1 เรื่อง พบว่ามีผลการประเมินในระดับ ดี ถึงดีเยี่ยม เนื่องจากการติดตามดูแลของครูพี่เลี้ยง (Mentor)
- ผลการประเมินผลลัพธ์ (IEST Evaluation) จากการประเมินผลลัพธ์ของโครงการ มีรายละเอียดดังนี้
4.1 ด้านผลกระทบ (Impact Evaluation) พบว่า จากการดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสร้างระบบพี่เลี้ยง โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ ส่งผลให้ครูสามารถสร้างผลงานทางวิชาการ หรือนวัตกรรมการเรียนการสอนมีการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยมิติความร่วมมือ ร่วมใจ ร่วมพัฒนาของครูพี่เลี้ยงสู่ครูผู้สอน เกิดครูมืออาชีพ เกิดเครือข่ายร่วมพัฒนาวิชาชีพ และเครือข่ายครูร่วมนิเทศ ลดภาระงานของผู้บริหาร และศึกษานิเทศก์ ในการนิเทศการเรียนการสอน เพิ่มทักษะการนิเทศภายในให้ครูโดยใช้ระบบพี่เลี้ยง (Mentoring System) และการสอนแนะ (Coaching) ครูนำผลงานส่งเพื่อขอเลื่อนวิทยฐานะส่งผลให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 มีครู และผู้บริหารที่มีวิทยฐานะสูงเพิ่มขึ้น
4.2 ด้านประสิทธิผล (Effectiveness Evaluation) การดำเนินโครงการ พัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสร้างระบบพี่เลี้ยง โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ ส่งผล ในการช่วยเหลือครูในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ ที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนให้มีความสามารถ ด้านภาษา (Literacy) ด้านคำนวณ (Numeracy) และเชิงเหตุผล (Reasoning Ability) และการทำวิจัยในชั้นเรียน ซึ่งช่วยพัฒนาครูในการปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ของตนเองได้ดียิ่ง และผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องที่มีต่อโครงการ พบว่า ความพึงพอใจของครูผู้สอน ครูพี่เลี้ยง และผู้บริหาร ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายมีความพึงพอใจในการดำเนินงานโครงการฯ ในระดับมาก
4.3 ด้านความยั่งยืน (Sustainability Evaluation) การดำเนินโครงการ พัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสร้างระบบพี่เลี้ยง โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ ส่งผลให้ครูมีความมุ่งมั่น มีแรงจูงใจใฝ่สัมฤทธิ์ แสวงหาความรู้จากแหล่งต่างๆ เกิดความภาคภูมิใจในความสำเร็จ มีความสามารถในการทำวิจัย และผลเชิงประจักษ์ที่ครูสามารถส่งผลงานเพื่อเลื่อนวิทยฐานะครู และผู้บริหารที่มีวิทยฐานะสูงเพิ่มขึ้น และส่งผลงานร่วมแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมทางวิชาการ ระดับเขตพื้นที่การศึกษา ระดับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และระดับประเทศ ได้รับรางวัลมากมาย ทั้งผู้เรียน และครู
4.4 ด้านการถ่ายทอดส่งต่อ (Transportability Evaluation) การดำเนินโครงการ พัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสร้างระบบพี่เลี้ยง โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ ส่งผลให้มีครูพี่เลี้ยง (Mentor) เป็นครูต้นแบบในการจัดการเรียนการสอนเพิ่มมากขึ้น มีการขยายผลเกิดระบบการนิเทศภายในที่เป็นระบบ โดยใช้กระบวนการนิเทศแบบพี่เลี้ยง กระบวนการนิเทศแบบสอนแนะ เกิดการเรียนรู้เทคนิคใหม่ๆ สามารถนำเทคนิคการเรียนการสอนใหม่ๆสู่การพัฒนาผู้เรียน ซึ่งส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงขึ้น ผลการสอบ RT, NT, O-Net ผ่านเกณฑ์หลายรายวิชา และคะแนนสูงกว่าระดับประเทศหลายรายวิชา
ข้อเสนอแนะในการนำผลการประเมินไปใช้
- โครงการพัฒนาศักยภาพครูด้านการจัดการเรียนรู้ โดยใช้กระบวนการสร้างระบบพี่เลี้ยง โรงเรียนในกลุ่มเครือข่ายพัฒนาการศึกษาเฝ้าไร่ ในครั้งนี้ ช่วยพัฒนาความรู้ความเข้าใจ และทักษะในการจัดการเรียนการสอนที่พัฒนาผู้เรียน ช่วยให้ครูมั่นใจในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ และการทำวิจัย ในชั้นเรียน ดังนั้นโครงการนี้ควรดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และกำหนดให้ครูนำผลงานเพื่อร่วมส่งเข้าประกวดแข่งขัน เป็นเกณฑ์การพิจารณาผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ
- เปิดโอกาสให้ครูมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันทั้ง 10 โรงเรียนเพิ่มขึ้นในรูปแบบ ที่หลากหลายวิธีการ และมีการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้เข้าร่วมโครงการ เพิ่มรางวัล การประกวดแข่งขัน และมีเกณฑ์กำหนดให้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ หรือครูทุกคน ทุกร่วมกิจกรรม
- สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2 มีจุดเด่นคือ มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ในการจัดการศึกษา สนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาครูทุกรูปแบบ ส่งผลให้ครูมีโอกาสในการพัฒนาและมีความรู้ความสามารถสูงขึ้น
- รูปแบบการประเมินแบบ CIPIEST เป็นรูปแบบที่เหมาะสำหรับการนำไปใช้ในการประเมินโครงการ เพราะมีการเก็บข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องที่หลากหลาย ทำให้ได้ข้อมูลในการนำมาปรับปรุงละพัฒนาโครงการ
ข้อเสนอแนะในการดำเนินโครงการครั้งต่อไป
- ปรับปรุงด้านระยะเวลาในการดำเนินโครงการ เพื่อให้เวลาสำหรับครูในการเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ และการเขียนรายงานวิจัยในชั้นเรียน
- เพิ่มรูปแบบ หรือเทคนิคการเรียนการสอนที่ครูสามารถนำไปปรับเพื่อให้เหมาะสมกับเนื้อหาและกิจกรรมการเรียนการสอน
- สอบถามความต้องการในการพัฒนาวิชาชีพของครู เพื่อให้ครูพัฒนาตนเองตามที่ถนัด และสอดคล้องกับความต้องการ
- ควรมีการทำวิจัยติดตามผลการดำเนินงาน โครงการฯ เพื่อศึกษาความคงทน และเป็นสารสนเทศในการพัฒนาครูให้ยั่งยืนต่อไป12. เผยแพร่ผลงานทางวิชาการออนไลน์